วันอังคารที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2553

วิธีการสร้างจุดยืนที่จะเป็นคนดี.........ที่แท้จริง

คนดี เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่าของสังคม ดังนั้นทุกคนจึงอยากจะเป็นคนดี มีเยาวชนของชาติเป็นจำนวนมากอยากจะทำความดี แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นทำความดีอย่างไร จะรอให้คนทำของตกแล้วเก็บไปคืนเจ้าของรึก็นานๆ จะมีสักรายหนึ่ง

ใครๆ ก็อยากจะเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้นเพราะเมื่อเป็นคนดีแล้ว ก็จะได้ผลตอบแทน เช่น

1. อยากจะอยู่ที่ไหน ก็อยู่ได้สบาย เพราะมีคนอยากให้อยู่

2. อยากจะไปไหน ก็ไปได้สะดวก เพราะมีคนอยากให้ไป

3. อยากจะทำอะไร ก็ทำสำเร็จ เพราะมีคนอยากช่วยเหลือ

แต่ก็มีเพียงบางคนเท่านั้นที่เป็นคนดีได้ เยาวชนส่วนใหญ่ถึงแม้อยากจะเป็นคนดี สักเท่าใดก็เป็นไปได้ เพราะเหตุว่า มีการเริ่มต้นที่ไม่ถูกและไม่ทราบว่าจุดเริ่มต้นของการเป็นคนดีควรเริ่มต้นที่ตรงไหน

การจะเป็นคนดีได้สำเร็จ จะต้องเริ่มต้นที่การเป็น "ลูกดี" ถ้าเป็นลูกที่ดีได้ก็เป็นคนดีสำเร็จ ถ้าเป็นลูกดีไม่ได้ ก็เป็นคนดีไม่สำเร็จ

ฉะนั้น คนจะดีจึงต้องเริ่มต้นที่การเป็นคนดี คุณสมบัติของลูกดี มี 2 ประการ คือ

1. เห็นคุณค่าและความสำเร็จของพ่อแม่

2. ปฏิบัติตอบต่อพ่อแม่ด้วยความกตัญญูกกเวที

ลูกทุกคนโปรดทราบเถิดว่า ไม่มีใครในโลกนี้ จะมีคุณค่าต่อเราเท่าพ่อและแม่ เพราะท่านให้สิ่งที่คนทั้งหลายให้แก่เราไม่ได้ คือ

1. ให้ความมีชีวิตแก่เรา

2. ให้ความเมตตากรุณาอย่างสุดซึ้ง ไม่มีวันสิ้นสุด ในยามที่เราผิดหวังหรือมีทุกข์

3. ให้ความยินดีจากใจจริง เมื่อคราวที่เราได้ดีมีสุข

4. ให้ความรักจริง จริงใจแก่ลูก ๆ ทุกคน

จริงอยู่คนรักเรามีมากมาย แต่ความรักของคนทั้งหลายเหล่านั้น รักเพราะเขาต้องการสิ่งตอบแทนจากเรา ถ้าเขาต้องการจากเรามาก เขาก็รักเรามาก ถ้าเขาต้องการจากเราน้อย ก็รักเราน้อย ถ้าเขาหมดความต้องการ เขาก็หมดรักเรา ความรักจากคนอื่นจึงมีได้หมดได้มากหรือน้อยตามกำลังแห่งความต้องการของเขา

แต่ความรักของพ่อแม่เป็นรักแท้ ไม่ได้รักเพราะต้องการสิ่งใดจากเรา ท่านรักเราเพื่อความสำเร็จของเรา อันเป็นความปรารถนาสูงสุดของท่าน

ในเวลาที่เราตกระกำลำบาก อาจจะมีหลายคนมาแสดงความเสียใจกับเราหรือมาปลอบเรา บางคนก็ทำโดยมารยาท หรือธรรมเนียมประเพณีเท่านั้น ใจของเขาอาจจะสมน้ำหน้าเราก็ได้

แต่คนที่จริงใจ ไม่ทอดทิ้ง ติดตามเราไปได้ทุกแห่งหน จะลำบากยากแค้นประการใด ก็ทนได้ จะหมดเปลืองเท่าใดก็ยอมได้ มีเฉพาะพ่อกับแม่ของเราเท่านั้นที่ไม่มีวันทอดทิ้งเรา

ในเวลาที่เราได้ดี ประสบความสำเร็จมีความสุขความเจริญ อาจมีคนมากมายมาดีใจกับเรา

บางคนก็ดีใจเพราะคิดว่า เขาอาจจะได้ส่วนแบ่งจากความสำเร็จของเราบ้าง หรือบางคนมาแสดงความยินดี แต่อาจจะมีความริษยาปนอยู่บ้างก็ได้

แต่คนที่ดีใจจริง ๆ ดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไดก็คือ พ่อกับแม่ของเรานั่นเอง

พ่อกับแม่ดีใจ เพราะความมุ่งหมายของท่านต้องการเห็นเราเป็นเช่นนี้มานานแล้ว

นี่คือข้อเท็จจริงที่ลูกทุกคนได้รับจากพ่อแม่ เพราะฉะนั้น พ่อแม่จึงเป็นคนประเสริฐของลูกทั้งหลาย

การคิดถึงคุณค่าและความสำคัญของ พ่อแม่ดังกล่าวมานี้ ย่อมเป็น "เชื้อแห่งความดี" ของชีวิต และเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็น "คนดี"

ดังนั้น สิ่งที่ลูกดี ควรประพฤติปฏิบัติตอบแทนคุณของท่านก็คือ

1. ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ
ให้ความสุขกายสบายใจแก่ท่าน แม้เป็นลุกยังเล็กอยู่ในวัยเป็นนักเรียน นักศึกษาอยู่ก็สามารถเลี้ยงดูน้ำใจของท่านได้ อย่าให้ท่านทุกข์ใจ เสียใจ กลุ้มใจ เพราะการกระทำของเรา

2. ช่วยเหลือในกิจการงานของท่าน
โดยการปฏิบัติการทำงานตามที่ท่านใช้ให้ทำ การแบ่งเบาภารกิจของท่าน ด้วยการรับงานซึ่งเป็นภาระอันหนักของท่านไปทำ เป็นต้น

3. ดำรงวงศ์สกุล
สกุลนั้นมีบุคคลเกี่ยวข้องอยู่เป็นอันมาก บุตรธิดาแห่งสกุลใด เมื่อเกิดมาร่วมวงศ์สกุลกับบุคคลอื่นจะต้องมีความสำนึกรับผิดชอบต่อสกุลวงศ์ แม้ตระกูลจะเสื่อมทรามตกต่ำลงไป ก็ต้องไม่ใช่เกิดจากการกระทำของตน ฉะนั้น บุตรธิดาที่พึงปรารถนาก็คือ บุตรธิดาที่ดำรงวงศ์สกุล กับบุตรธิดาที่เชิดชูวงศ์สกุลทำสกุลให้สูงขึ้น ดำรงวงศ์สกุลก็คือ การรักษาสิ่งที่ดีงามต่าง ๆ ของสกุลเอาไว้ไม่ให้เสื่อมในยุคในสมัยของตน

4. ประพฤติตนให้เป็นคนเหมาะควรแก่การไว้เนื้อเชื่อใจของพ่อแม่ ที่จะรับทรัพย์มรดกสืบต่อวงศ์สกุลไปได้
ให้พ่อแม่มีความมั่งใจว่า แม้ท่านจะตายไปแล้ว ฐานะของสกุลก็คงไม่ตกต่ำ ลูกสามารถรักษาไว้ได้

5. เมื่อบิดามารดาตายจากไป ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลส่งไปให้
เป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อท่านผู้เป็นบิดามารดา ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าเป็นการบูชาต่อความดีของมารดาบิดา เป็นการสะสมบุญให้เพิ่มพูนขึ้นมาอีกเป็นอันมาก ฉะนั้นหน้าที่เหล่านี้จึงเป็นหน้าที่โดยกำเนิดของทุกชีวิตที่เกิดมาในโลกนี้ ถ้าละเลยหรือไม่ประพฤติปฏิบัติก็ได้ชื่อว่าเป็นคนอกตัญญูต่อหน้าที่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า

คนดีทำความดีได้ง่าย แต่ทำความชั่วได้ยาก
คนชั่วทำความชั่วได้ง่าย แต่กลับทำความดีได้ยาก

คน กับ มนุษย์ นั้นต่างกัน
มนุษย์ คือ สัตว์โลกที่มีจิตใจสูง มีเหตุผล มีศีลธรรม
ส่วนคน คือ สัตว์โลกที่มีจิตใจต่ำ ไม่มีศีลธรรม ไม่มีเหตุผล

คำว่า มนุษยธรรม จึงแปลว่า ธรรมะที่ทำคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ เมื่อพัฒนาจิตใจจากคนขึ้นมาเป็นมนุษย์ได้ก็คือการเป็นคนดีนั่นเอง

เป็นคนดีมาแล้วพอไหม มีศีลธรรม มาแล้ว พอไหม ถ้ายังไม่พอ ก็โปรดรีบขวนขวาย เพื่อเราจะได้มีชีวิตมีจิตที่ สงบเย็นอยู่เป็นนิจ เพราะปราศจาก ความยึดมั่น ถือมั่น ในความรู้สึก เป็นตัวตน.

ในระดับสังคม

1. สังคมที่ปลูกฝังศีลธรรม (คนดีในระดับศีลธรรม)
-ปฏิบัติค่อนข้างยาก ซึ่งผุ้ปฏิบัติควรปฏิบัติให้จิตเข้าถึงแก่นของธรรมชาติ ยึดถือโครงสร้างของจิตใจ หรือการปรับระดับจิตใจของตนให้คงที่อยู่ตลอดเวลา ทำการงานสิ่งใดทำเต็มที่ แต่ก็ไม่ไปยึดถือ ในระดับสมมตินั้นนั้น

2. สังคมที่สมมติ (คนดีในระดับสังคมสมมติ)
-ยึดถือวัตถุนิยม หรือวัตถุทางกาย โดยขาดการดูแลทางด้านจิตใจ ความเจ็บป่วยทางใจจะเกิดขึ้นตลอดเวลา ซึ่งก็ต้องหาทางดูแลกันไปตามสภาพที่เกิดขึ้น


การแลกเปลี่ยนกันระหว่างวัตถุทางกาย กับเสรีภาพทางจิตใจ

ทุกสรรพสิ่งทั้งปวงประกอบกันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ซึ่งรวมแม้แต่สิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิต ทุกชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ แต่เมื่อใดที่จิตใจเราเริ่มเบียดเบียนธรรมชาติมาเป็นของเรา ซึ่งก็จะทำให้ใจเราสูญเสียเสรีภาพทางจิตใจ

นั่นก็คือสิ่งที่แลกเปลี่ยนกันที่ธรรมชาติให้กับสิ่งมีชีวิตนั้น แต่สิ่งที่ได้ไปนั้นก็เป็นเพียงแค่มายา แต่ได้ทำให้จิตใจของเราสูญเสียเสรีภาพทางจิตใจไปตลอด ช่วงเวลานั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น